• ไทยเตรียมใช้มาตรการลดหย่อนภาษีใหม่เพื่อดึงดูดการลงทุนจากผู้ผลิตรถยนต์ไฮบริด
  • ไทยเตรียมใช้มาตรการลดหย่อนภาษีใหม่เพื่อดึงดูดการลงทุนจากผู้ผลิตรถยนต์ไฮบริด

ไทยเตรียมใช้มาตรการลดหย่อนภาษีใหม่เพื่อดึงดูดการลงทุนจากผู้ผลิตรถยนต์ไฮบริด

ประเทศไทยมีแผนที่จะเสนอแรงจูงใจใหม่ๆ ให้กับผู้ผลิตยานยนต์ไฮบริด เพื่อดึงดูดการลงทุนใหม่อย่างน้อย 50,000 ล้านบาท (1,400 ล้านดอลลาร์) ในอีกสี่ปีข้างหน้า

นายนาริษฐ์ เทอดสเตรสุขดี เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (กพช.) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมว่า ผู้ผลิตยานยนต์ไฮบริดจะจ่ายภาษีการบริโภคในอัตราที่ลดลงระหว่างปี 2571 ถึง 2575 หากสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานบางประการ

นายนาริท กล่าวว่า รถยนต์ไฮบริดที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดและมีที่นั่งน้อยกว่า 10 ที่นั่ง จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตในอัตรา 6% ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป และจะได้รับการยกเว้นการปรับอัตราภาษีแบบคงที่ 2 จุดเปอร์เซ็นต์ทุกๆ 2 ปี

เพื่อให้มีคุณสมบัติสำหรับอัตราภาษีที่ลดลง ผู้ผลิตยานยนต์ไฮบริดจะต้องลงทุนอย่างน้อย 3 พันล้านบาทในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงปี 2570 นอกจากนี้ รถยนต์ที่ผลิตภายใต้โครงการจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เข้มงวด ใช้ชิ้นส่วนรถยนต์สำคัญที่ประกอบหรือผลิตในประเทศไทย และติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงที่กำหนดไว้อย่างน้อย 4 จาก 6 ระบบ

นฤตกล่าวว่า ในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ไฮบริด 7 รายที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย คาดว่าจะมีอย่างน้อย 5 รายเข้าร่วมโครงการนี้ มติของคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าไทยจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและอนุมัติขั้นสุดท้าย

นายนฤต กล่าวว่า “มาตรการใหม่นี้จะสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าและการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดในอนาคต ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรและชิ้นส่วนต่างๆ”

แผนใหม่นี้เกิดขึ้นในขณะที่ประเทศไทยกำลังเร่งผลักดันมาตรการจูงใจสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ผลิตชาวจีน ในฐานะ "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย" ประเทศไทยตั้งเป้าที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 30% ภายในปี พ.ศ. 2573

ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ระดับภูมิภาค และเป็นฐานการส่งออกของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกหลายราย เช่น บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ และบริษัทฮอนด้า มอเตอร์ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา การลงทุนของผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของจีน เช่น บริษัทบีวายดี และบริษัทเกรท วอลล์ มอเตอร์ส ก็ได้นำความมีชีวิตชีวาใหม่ๆ มาสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยด้วยเช่นกัน

รัฐบาลไทยยังได้ลดหย่อนภาษีนำเข้าและภาษีการบริโภค พร้อมทั้งเสนอเงินอุดหนุนแก่ผู้ซื้อรถยนต์ เพื่อแลกกับความมุ่งมั่นของผู้ผลิตรถยนต์ในการเริ่มการผลิตในประเทศ ซึ่งถือเป็นความพยายามล่าสุดในการฟื้นฟูประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางยานยนต์ระดับภูมิภาค ด้วยเหตุนี้ ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าจึงเพิ่มสูงขึ้นในตลาดไทย

นายนฤต เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้ดึงดูดการลงทุนจากผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า 24 รายนับตั้งแต่ปี 2565 โดยในช่วงครึ่งปีแรก จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนใหม่ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 37,679 คัน เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

รถ

ข้อมูลยอดขายรถยนต์ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยแพร่เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศไทยพุ่งขึ้น 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอยู่ที่ 101,821 คัน ขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศโดยรวมลดลง 24% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากยอดขายรถกระบะและรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ลดลง


เวลาโพสต์: 30 ก.ค. 2567