ล่าสุดนายกรัฐมนตรีของไทยกล่าวว่าประเทศเยอรมนีจะสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของไทย
มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 เจ้าหน้าที่ภาคอุตสาหกรรมของไทยระบุว่าทางการไทยหวังว่ากำลังการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จะถึง 359,000 คันในปี 2567 ด้วยการลงทุน 39,500 ล้านบาท

เพื่อส่งเสริมการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า รัฐบาลไทยได้ลดภาษีนำเข้าและภาษีการบริโภคของยานยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้า และให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ซื้อรถยนต์เพื่อแลกกับคำมั่นสัญญาของผู้ผลิตรถยนต์ในการสร้างสายการผลิตในประเทศ ทั้งนี้ เพื่อเป็นความพยายามที่จะรักษาชื่อเสียงที่ยาวนานของประเทศไทยไว้ในฐานะส่วนหนึ่งของแผนริเริ่มใหม่ในการสร้างตัวเองให้เป็นศูนย์กลางยานยนต์ระดับภูมิภาค มาตรการเหล่านี้ซึ่งเริ่มในปี 2022 และจะขยายออกไปจนถึงปี 2027 ได้ดึงดูดการลงทุนจำนวนมากแล้ว ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน เช่นบีวายดีและยิ่งใหญ่Wall Motors ได้ก่อตั้งโรงงานในประเทศซึ่งสามารถเพิ่มอิทธิพลด้านการผลิตของไทยและช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมายในการเป็นประเทศที่เป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การสนับสนุนจากเยอรมนีจะส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของไทยต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญอย่างน้อยหนึ่งประการหากต้องการที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็วต่อไป ศูนย์วิจัยของธนาคารกสิกรไทยระบุในรายงานเดือนตุลาคมว่า จำนวนสถานีชาร์จสาธารณะอาจไม่สามารถตามทันยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าไม่น่าดึงดูดใจผู้ซื้อในตลาดมวลชน
เวลาโพสต์ : 24 ก.ค. 2567