รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV)การเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่สำนักงานการขนส่งทางบกรายงานว่ามีรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 24,247 คันบนท้องถนนในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567
ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจถึง 103% จากปีก่อนที่มีรถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนเพียง 11,941 คัน อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้ายังคงเป็นกลุ่มน้อย คิดเป็นเพียง 3.69% ของจำนวนรถยนต์ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึงสองจุดเปอร์เซ็นต์จากปี 2023 ซึ่งบ่งชี้ว่านครรัฐนี้กำลังค่อยๆ มุ่งหน้าสู่ระบบขนส่งที่ยั่งยืน
ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2024 มีการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ 37,580 คันในสิงคโปร์ โดย 12,434 คันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า คิดเป็น 33% ของการจดทะเบียนใหม่ ซึ่งเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน ซึ่งบ่งชี้ถึงการยอมรับและความชอบของผู้บริโภคที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ การหลั่งไหลเข้ามาของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าใหม่จากจีนก็ถือเป็นเรื่องที่น่าสังเกต โดยคาดว่าจะมีอย่างน้อย 7 แบรนด์เข้าสู่ตลาดสิงคโปร์ในปี 2024 ในช่วงเวลาเดียวกัน มีการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีนใหม่ 6,498 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ 1,659 คันที่จดทะเบียนในปี 2023
ความเป็นผู้นำของผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจีนนั้นชัดเจน โดย BYD เป็นผู้นำในตารางยอดขาย โดยมียอดขาย 5,068 คันในเวลาเพียง 11 เดือน เพิ่มขึ้น 258% เมื่อเทียบเป็นรายปีบีวายดี, MGและ GACเอไอออนจัดอันดับ
อันดับที่ 2 และ 3 โดยมีผู้ลงทะเบียน 433 และ 293 ราย ตามลำดับ
แนวโน้มนี้เน้นย้ำถึงสถานะและอิทธิพลในระดับนานาชาติของรถยนต์พลังงานใหม่ของจีน ซึ่งกำลังได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วในตลาดโลก เช่น สิงคโปร์
อนาคตของรถยนต์ไฟฟ้า: มุมมองระดับโลก
เมื่อมองไปข้างหน้า ภาพรวมของ EV ในสิงคโปร์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การยกเว้นภาษี A2 สำหรับรถไฮบริดส่วนใหญ่จะลดลงในปี 2025 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนภาษีลดการปล่อยมลพิษจากรถยนต์ของรัฐบาล
คาดว่าการปรับเปลี่ยนครั้งนี้จะช่วยลดช่องว่างราคาระหว่างรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งอาจกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น คาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในสิงคโปร์จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จไฟฟ้าได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และผู้บริโภคหันมาใช้ระบบขนส่งที่ยั่งยืนมากขึ้น
ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าล้วนนั้นมีมากมายและน่าสนใจ ประการแรก รถยนต์ไฟฟ้าไม่มีการปล่อยมลพิษและไม่สร้างก๊าซเสียระหว่างการขับขี่ ซึ่งส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม
ซึ่งสอดคล้องกับความพยายามระดับโลกในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดมลภาวะทางอากาศ ประการที่สอง รถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูง
การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันดิบบริสุทธิ์เพื่อชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานมากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน ประสิทธิภาพนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากโลกกำลังพยายามเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรพลังงาน
นอกจากนี้โครงสร้างที่เรียบง่ายของรถยนต์ไฟฟ้ายังเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญอีกด้วย รถยนต์เหล่านี้ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว จึงไม่จำเป็นต้องใช้ส่วนประกอบที่ซับซ้อน เช่น ถังเชื้อเพลิง เครื่องยนต์ และระบบไอเสีย การลดความซับซ้อนนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิตเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสะดวกในการบำรุงรักษาอีกด้วย นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้ายังทำงานด้วยเสียงรบกวนต่ำ ทำให้ประสบการณ์การขับขี่เงียบขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ขับขี่และคนเดินถนน
ความหลากหลายของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าจากรถยนต์ไฟฟ้ายิ่งทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีความน่าสนใจมากขึ้น ไฟฟ้าสามารถมาจากแหล่งพลังงานหลักที่หลากหลาย เช่น ถ่านหิน พลังงานนิวเคลียร์ และพลังงานไฟฟ้าพลังน้ำ การกระจายความเสี่ยงนี้ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการหมดลงของน้ำมันและส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้ายังมีบทบาทสำคัญในการจัดการระบบไฟฟ้าอีกด้วย การชาร์จไฟฟ้าในช่วงนอกชั่วโมงเร่งด่วนจะช่วยปรับสมดุลความต้องการพลังงานและปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมของการผลิตและการจ่ายไฟฟ้า
โดยสรุป การเพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้าในสิงคโปร์ไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของกระแสโลกในการขนส่งอย่างยั่งยืนอีกด้วย การเพิ่มขึ้นของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของจีนในตลาดต่างประเทศเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญที่ผู้ผลิตเหล่านี้มีต่อการกำหนดอนาคตของการขนส่ง ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม รถยนต์พลังงานใหม่ได้กลายมาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับชุมชนนานาชาติ ซึ่งช่วยปูทางไปสู่อนาคตที่สะอาดขึ้น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และยั่งยืนมากขึ้น คำมั่นสัญญาของรถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่แค่กระแสเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับมนุษยชาติ
Email:edautogroup@hotmail.com
โทรศัพท์ / WhatsApp: +8613299020000
เวลาโพสต์ : 18 ก.พ. 2568