• ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าพุ่ง ตลาดรถยนต์ไทยเผชิญภาวะถดถอย
  • ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าพุ่ง ตลาดรถยนต์ไทยเผชิญภาวะถดถอย

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าพุ่ง ตลาดรถยนต์ไทยเผชิญภาวะถดถอย

1.ตลาดรถยนต์ใหม่ของไทยหดตัว

ตามข้อมูลขายส่งล่าสุดที่เผยแพร่โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า ตลาดรถยนต์ใหม่ของไทยในเดือนสิงหาคมปีนี้ยังคงมีแนวโน้มลดลง โดยยอดขายรถยนต์ใหม่ลดลงร้อยละ 25 เหลือ 45,190 คัน จาก 60,234 คันเมื่อปีที่แล้ว

ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย ในช่วงแปดเดือนแรกของปีนี้ ยอดขายรถยนต์ในตลาดไทยลดลงเหลือ 399,611 คัน จาก 524,780 คันในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งลดลง 23.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในด้านประเภทกำลังของยานพาหนะ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้

ตลาดไทยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนเป็น 47,640 คัน ยอดขายรถยนต์ไฮบริดเพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับปีก่อนเป็น 86,080 คัน ยอดขายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับปีก่อน 38% เหลือ 265,880 คัน

1

ในช่วงแปดเดือนแรกของปีนี้ โตโยต้ายังคงเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย หากพิจารณาเฉพาะรุ่น โตโยต้า ไฮลักซ์ ครองอันดับหนึ่ง มียอดขาย 57,111 คัน ลดลง 32.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมาคือ อีซูซุ ดี-แม็กซ์ มียอดขาย 51,280 คัน ลดลง 48.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และโตโยต้า ยาริส เอทีฟ มียอดขาย 34,493 คัน ลดลง 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

2.ยอดขาย BYD Dolphin เพิ่มขึ้น
ในทางตรงกันข้าม,บีวายดี ดอลฟินยอดขายพุ่งสูงขึ้น 325.4% และ 2,035.8% ตามลำดับเมื่อเทียบเป็นรายปี

ในด้านการผลิต ในเดือนสิงหาคมปีนี้ การผลิตรถยนต์ของไทยลดลง 20.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือ 119,680 คัน ขณะที่การผลิตสะสมในช่วงแปดเดือนแรกของปีนี้ลดลง 17.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือ 1,005,749 คัน อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ด้านปริมาณการส่งออกรถยนต์ เดือนสิงหาคม 2561 ปริมาณการส่งออกรถยนต์ของไทยลดลงเล็กน้อย 1.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 86,066 คัน ขณะที่ปริมาณการส่งออกสะสมในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงเล็กน้อย 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 688,633 คัน

ตลาดรถยนต์ไทยเผชิญภาวะถดถอย ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าพุ่ง
ข้อมูลการค้าส่งล่าสุดที่เผยแพร่โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แสดงให้เห็นว่าตลาดรถยนต์ใหม่ของไทยยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ยอดขายรถยนต์ใหม่ลดลง 25% ในเดือนสิงหาคม 2566 โดยมียอดขายรถยนต์ใหม่รวมลดลงเหลือ 45,190 คัน ลดลงอย่างมากจาก 60,234 คันในเดือนเดียวกันของปีก่อน การลดลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในวงกว้างที่อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งปัจจุบันเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย

ในช่วงแปดเดือนแรกของปี 2566 ยอดขายรถยนต์ของประเทศไทยลดลงอย่างรวดเร็ว จาก 524,780 คันในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 เหลือ 399,611 คัน หรือลดลง 23.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดขายที่ลดลงนี้เกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงของความต้องการของผู้บริโภค และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ภาพรวมตลาดกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์รายเดิมกำลังเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้

เมื่อพิจารณาเฉพาะรุ่นรถยนต์ โตโยต้า ไฮลักซ์ ยังคงเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย โดยมียอดขาย 57,111 คัน แต่ตัวเลขนี้ลดลง 32.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตามมาด้วยอีซูซุ ดี-แม็กซ์ ด้วยยอดขาย 51,280 คัน ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 48.2% ในขณะเดียวกัน โตโยต้า ยาริส เอทีฟ อยู่ในอันดับที่สาม ด้วยยอดขาย 34,493 คัน ลดลงเล็กน้อยที่ 9.1% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากที่แบรนด์รถยนต์ชั้นนำต้องเผชิญในการรักษาส่วนแบ่งตลาดท่ามกลางความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ากลับเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ตรงกันข้ามกับยอดขายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบดั้งเดิมที่ลดลง ยกตัวอย่างเช่น BYD Dolphin ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งถึง 325.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แนวโน้มนี้ชี้ให้เห็นถึงความสนใจของผู้บริโภคที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกว้างขวางมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นและมาตรการจูงใจจากภาครัฐ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนอย่าง BYD, GAC Ion, Hozon Motor และ Great Wall Motor ได้ลงทุนอย่างหนักในการสร้างโรงงานใหม่ในประเทศไทยเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด

รัฐบาลไทยยังได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อกระตุ้นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ประกาศมาตรการจูงใจใหม่ๆ ที่มุ่งกระตุ้นยอดขายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ใช้ไฟฟ้าล้วน เช่น รถบรรทุกและรถโดยสาร โครงการเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาการผลิตและห่วงโซ่อุปทานรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางที่มีศักยภาพสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนหนึ่งของความพยายามนี้ บริษัทรถยนต์รายใหญ่ เช่น โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป และอีซูซุ มอเตอร์ส วางแผนที่จะเปิดตัวรถกระบะไฟฟ้าล้วนในประเทศไทยในปีหน้า เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับตลาด

3.EDAUTO GROUP ก้าวทันตลาด
ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงเช่นนี้ บริษัทต่างๆ เช่น EDAUTO GROUP จึงมีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะใช้ประโยชน์จากความต้องการรถยนต์ประหยัดพลังงานที่เพิ่มขึ้น EDAUTO GROUP มุ่งเน้นการส่งออกรถยนต์และเน้นผลิตภัณฑ์ใหม่จากจีน บริษัทมีรถยนต์พลังงานเป็นของตนเอง นำเสนอรถยนต์หลากหลายรุ่นในราคาที่เหมาะสมโดยไม่ลดทอนคุณภาพ ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน EDAUTO GROUP จึงได้ก่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ของตนเองในประเทศอาเซอร์ไบจาน เพื่อรองรับความต้องการรถยนต์พลังงานใหม่ที่เพิ่มขึ้นในตลาดต่างๆ

ในปี 2566 EDAUTO GROUP วางแผนที่จะส่งออกรถยนต์พลังงานใหม่มากกว่า 5,000 คันไปยังประเทศในตะวันออกกลางและรัสเซีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นเชิงกลยุทธ์ในการขยายตลาดต่างประเทศ ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานไฟฟ้า EDAUTO GROUP ให้ความสำคัญกับคุณภาพและราคาที่เข้าถึงได้ จึงกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในภูมิทัศน์ตลาดยานยนต์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป บริษัทมุ่งมั่นที่จะส่งมอบรถยนต์พลังงานคุณภาพสูงที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นสำหรับทางเลือกการเดินทางที่ยั่งยืน ซึ่งตอกย้ำสถานะของบริษัทในอุตสาหกรรมนี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
4. รถยนต์พลังงานใหม่เป็นกระแสที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยสรุป แม้ว่าตลาดรถยนต์แบบดั้งเดิมของไทยจะเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ แต่การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าได้นำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ สำหรับการเติบโตและนวัตกรรม ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังเปลี่ยนแปลงไป ตามการเปลี่ยนแปลงของความต้องการของผู้บริโภคและนโยบายภาครัฐ บริษัทต่างๆ เช่น EDAUTO GROUP ถือเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านรถยนต์พลังงานเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่องและความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์ อนาคตของตลาดยานยนต์ไทยมีแนวโน้มที่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า


เวลาโพสต์: 14 ต.ค. 2567